CEO ค่าย Disney ลั่น! ยอมลดบทบาทการ Woke ในภาพยนตร์ หลังจากถูกวิจารณ์หนักจนส่งผลเสียต่อธุรกิจ

CEO ค่าย Disney ลั่น! ยอมลดบทบาทการ Woke ในภาพยนตร์ หลังจากถูกวิจารณ์หนักจนส่งผลเสียต่อธุรกิจ

จากกระแส Woke หรือ การตื่นรู้ถึงความไม่เท่าเทียมในสังคมและวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการเรียกร้องความเท่าเทียมของบุคคลที่มีความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติและสีผิว ซึ่งกระแส Woke ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่พยายามเรียกร้องความเท่าเทียมให้สังคม แม้ดูเหมือนว่าการ Woke จะเป็นเรื่องที่ดีแต่ในความเป็นจริงลักษณะการ Woke กลับปฏิบัติกันอย่างสุดโต่งรวมถึงยังกลืนกินความเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมไปจนหมดสิ้น

อย่างในวงการภาพยนตร์ กระแส Woke ได้เข้ามาสอดแทรก ทั้งการเปลี่ยนคาแรคเตอร์ตัวละครดั้งเดิมให้กลายเป็นตัวละครผิวเข้ม ซึ่งหนึ่งในค่ายภาพยนตร์ที่โดนวิจารณ์หนักมากที่สุด คงหนีไม่พ้น ค่าย Disney ที่มีการปรับเปลี่ยนคาแรคเตอร์ตัวละครในภาพยนตร์หลายเรื่องให้กลายเป็นคนผิวเข้ม ไม่ว่าจะเป็น Blue Fairy จากเรื่อง Pinocchio ที่ได้ ซินเธีย เอริโว่ นักแสดงผิวเข้มมาในลุคหัวโล้นมาสวมบทบาท หรือ Tinker Bell จากเรื่อง Peter Pan & Wendy ที่มีการปรับเปลี่ยนให้เป็นนางฟ้าผิวเข้มใส่ชุดเขียว และที่ถูกวิจารณ์กันอย่างหนักมาก ต้องยกให้เจ้าหญิงแอเรียลเงือกน้อย จาก The Little Mermaid ที่มีการฉีกภาพจำนางเงือกผิวขาวผมแดง มาเป็นนางเงือกผิวเข้มพร้อมผมเดรดล็อค ผ่านการถ่ายทอดบทบาทโดย ฮัลลี เบลีย์ อีกทั้งยังมีกระแสต่อต้านอย่างหนักจากแฟนภาพยนตร์เมื่อ Disney ประกาศชื่อของ ราเชล เซเกลอร์ นักแสดงชาวละตินผิวสีน้ำผึ้ง จะมารับบทเจ้าหญิง Snow White ที่มีคาแรคเตอร์ต่างกันสุดขั้ว จนแฟน ๆ Snow White ต่างรับไม่ได้รวมถึงการสัมภาษณ์ผ่านสื่อของราเชลที่กล่าวถึง Snow White ในด้านลบมากเกินไป ยิ่งจุดกระแสแอนตี้ให้ร้อนแรงขึ้น ถึงขั้นที่มีข่าวลือกันว่าภาพยนตร์ Snow White ถูกระงับโครงการไปแล้ว

ล่าสุด เว็บไซต์ foxbusiness สื่อต่างประเทศ ได้มีการรายงานถึงประเด็นการ Woke ในภาพยนตร์ของค่าย Disney ที่ถูกต่อต้านจากแฟนภาพยนตร์จนทำให้รายได้ของ Disney ลดลงไปมาก ซึ่งทางด้าน Bob Iger ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของบริษัท Walt Disney ได้ออกมาเปิดเผยพร้อมทั้งให้คำมั่นสัญญาว่า ทาง Disney จะลดระดับของการ Woke ในภาพยนตร์ให้มากขึ้น หลังจากสร้างความไม่พอใจกับแฟนภาพยนตร์ในกลุ่มอนุรักษ์นนิยม ซึ่ง Bob ได้มีการหารือกับนักลงทุนและผู้ถือหุ้นของ Disney โดยพบว่าการWoke ในภาพยนตร์ที่ผ่านมานั้น ส่งผลเสียต่อธุรกิจและทำให้เสียรายได้ไปเป็นจำนวนมหาศาล รวมถึงกระแสต่อต้านจากแฟนภาพยนตร์ที่ออกมาไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนตัวละครให้เป็นคนผิวเข้ม ตลอดจนข้อพิพาทของ  ทาง Disney กับรัฐฟลอริดา เพราะทาง Disney สนับสนุนไม่ให้มีการสอนเยาวชนให้รับรู้เรื่องของอัตลักษณ์และรสนิยมทางเพศในโรงเรียน และปัญหาการตั้งสวนสนุก Disney ที่ทำให้เกิดผลเสีย จึงเป็นสาเหตุให้ทาง Disney ตัดสินใจยอมลดเพดานเรื่องของการ Woke ลงมา

สำหรับ Bob Iger CEO คนล่าสุดของ Disney ในอดีตเขาเคยดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2005 – 2020 ซึ่งเป็นยุคที่ค่าย Disney เจริญรุ่งเรืองมากที่สุด ก่อนจะลาออกจากตำแหน่ง ทำให้ Bob Chapek ขึ้นมาเป็น CEO ในปี 2021-2022 กระทั่งคณะกรรมการบริหารของ Disney มีมติโหวตให้ Bob Chapek พ้นจากตำแหน่งเมื่อปลายปี 2022 จึงทำให้ Bob Iger กลับมาดำรงตำแหน่ง CEO อีกครั้ง