ทนายดังกางข้อกฎหมายปมน้องพลอยขอลางานดูใจแม่ชี้ต้องฟัง 2 มุม

จากกรณีน้องพลอยพนักงานโรงแรมดังเขาใหญ่ได้ออกมาโพสต์ข้อความว่า เธอได้ขอลางานกับหัวหน้าเพื่อไปดูแลคุณแม่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต แต่ปรากฏว่า พี่กบ ที่เป็นหัวหน้าของเธอไม่อนุญาตให้ลางาน อีกทั้งยังให้เธอมาเขียนใบลาออกด้วย เมื่อเรื่องราวดังกล่าวถูกโพสต์ลงสู่โลกโซเชียลกลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง ส่วนใหญ่เข้ามาต่อว่าพี่กบว่าไร้มนุษยธรรม ไม่เห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเลยถ้าวันนึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับพี่กบจะรู้อย่างไร ทุกคนมีพ่อแม่ไม่ได้เกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่

ความคืบหน้าล่าสุด กรมแรงงานได้สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพร้อมให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ด้านผู้บริหารโรงแรมดังเผยว่า ไม่ได้ไล่หัวหน้าใจร้ายคนดังกล่าวออกแต่อย่างใด เพียงแต่ย้ายไปทำหน้าที่อื่นแทน ขณะที่น้องพลอยเจ้าของเรื่องได้ออกมาเปิดใจครั้งแรกว่า เธอได้บอกเรื่องอาการป่วยของคุณแม่ให้พี่กบทราบมาตลอด พร้อมย้ำว่าคุณแม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน เธอออาจต้องลางานกะทันหันและให้พี่กบหาคนมาทำงานทดแทนในช่วงที่เธอลาไปเฝ้าคุณแม่ด้วย

แต่เหมือนว่าพี่กบไม่ได้สนใจจนมาเกิดเรื่องราวดังกล่าวตามที่ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊ก อย่างไรก็ตาม ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้ออกมาเปิดข้อกฎหมายและแสดงความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่า ตามพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน การลากิจสามารถลาได้ไม่ต่ำกว่า 3 วันต่อปี ซึ่งนายจ้างต้องให้ลูกจ้างลากิจได้ แต่การจะลาได้นั้นต้องรอนายจ้างอนุมัติก่อนถึงจะทำได้

ไม่ใช่ว่าส่งข้อความทางไลน์แล้วหยุดได้เลย ต้องรอนายจ้างอนุมัติก่อน ส่วนกรณีขอลากิจแล้วนายจ้างไล่ไปเขียนใบลาออก ในทางกฎหมายถ้าลูกจ้างขาดการติดต่อไม่ได้นาน 3 วัน ลูกจ้างมีสิทธิ์โดนไล่ออกทันที สำหรับกรณีน้องพลอย ทนายคนดังบอกว่า นายจ้างไล่ออกไม่ได้ เพราะเท่ากับขาดงานแค่ 1 วัน การที่นายจ้างไล่ไปเขียนใบลาออกเป็นการบีบบังคับ ก่อนทิ้งท้ายฝากไปถึงคณะทัวร์ว่าให้ใจเย็น ๆ ขอให้รอฟังความทั้ง 2 มุมจะดีกว่า