บนเพจเฟซบุ๊ก จริยธรรมสื่อมวลชน โดยคณะกรรมการจริยธรรมวิชาชีพ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ได้มีการโพสต์แนะนำถึงสื่อมวลชลทุกสำนักในการปฏิบัติหน้าที่รายงานข่าวสาร สถานการณ์ความคืบหน้า จากกรณีเยาวชนวัย 14 ปี ก่อเหตุสลดในศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 3 ตุลาคม 66 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งในเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ผ่านมา สื่อมวลชนในหลาย ๆ สำนักมักจะรายงานสถานการณ์จนส่งผลกระทบทางจิตใจต่อคนใกล้ชิดผู้สูญเสียและคนใกล้ชิดผู้ก่อเหตุด้วยเช่นกัน โดยเพจจริยธรรมสื่อมวลชนจึงออกมาแนะนำเพื่อเป็นแนวทางให้สื่อมวลชนได้ปฏิบัติอย่างถูกต้องรวมถึงเพื่อลดการกระทบกระเทือนต่อสภาพจิตใจของผู้ใกล้ชิดบุคคลที่ตกเป็นข่าว

โดยเพจ จริยธรรมสื่อมวลชน แนะนำว่าการรายงานของสื่อแต่ละสำนัก ไม่ควรเปิดเผยรายชื่อผู้เสียชีวิตก่อนที่เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้กับทางญาติผู้สูญเสียได้ทราบ เพราะในที่ผ่านมามีหลาย ๆ สื่อ ทั้งโทรทัศน์และสื่อออนไลน์มีความต้องการเรทติ้งและยอดคลิกจากผู้ชม จึงชิงเปิดเผยรายชื่อผู้เสียชีวิตก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะแจ้งกับทางญาติได้ทราบ ยกตัวอย่างเช่น สื่อรายการข่าวช่องหนึ่ง ได้โฟนอินไปหาครอบครัวผู้เสียชีวิตก่อนเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งถามความรู้สึกโดยที่บุคคลในครอบครัวที่ยังไม่ทราบข่าวมาก่อน จึงทำให้ผู้ถูกสัมภาษณ์สติหลุดกรีดร้องผ่านสายโทรศัพท์ออกอากาศในหน้าจอโทรทัศน์ สร้างความสลดหดหู่ให้กับผู้ชมมาก ดังนั้น การชิงเปิดชื่อผู้เสียชีวิตก่อนเจ้าหน้าที่จึงไม่ใช่หน้าที่ของสื่อ ก่อนรายงานทุกครั้งทางทีมงานผู้ผลิตสื่อควรติดต่อขออนุญาตกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าทางญาติสามารถอนุญาตให้มีการเปิดเผยชื่อผู้เสียชีวิตหรือไม่

ในกรณีที่ทางสื่อไม่สามารถติดต่อครอบครัวญาติของผู้เสียชีวิต แต่จำเป็นต้องรายงานให้ประชาชนทราบ สิ่งที่ทำได้คือการระบุ เพศ อายุ ช่วงวัย ลักษณะการแต่งกายเท่านั้น และต้องคำนึงถึงความเหมาะสมและคำนึงถึงความรู้สึกของผู้ใกล้ชิดผุ้สูญเสียด้วย อย่างไรก็ตามทางภาคประชาชนได้เข้าไปสอบถามถึงบทลงโทษทางวิชาชีพสื่อสารมวลชนที่ไม่ยอมปฏิบัติตามจริยธรรมในวิชาชีพ เพราะที่ผ่านมามีสื่อหลายสำนักได้ทำการละเมิดจริยธรรมสื่อด้วยการชิงเปิดเผยรายชื่อผู้สูญเสียก่อนเจ้าหน้าทีจะแจ้งให้ทราบ รวมถึงมีการเปิดเผยใบหน้าคนร้ายและเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายอย่างชัดเจน แต่สื่อเหล่านั้นก็ยังทำหน้าที่ได้ตามปกติโดยไม่มีบทลงโทษแต่อย่างใด