ทราย เจ้าแม่คอสเพลย์ บล็อกเกอร์สาว ผู้โด่งดังจากการทำคอนเทนท์นำของกินมาคอสเพลย์เป็นชุดสวยงาม ได้มีการโพสต์เหตุการณ์ที่น่าตกใจผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ของตนเอง ทรายเล่าว่าตนเองถูกมือดีนำรูปขณะที่ตนเองสวมใส่ชุดว่ายน้ำเมื่อครั้งตอนไปเที่ยวทะเลนำไปแชร์ลงในกลุ่มเฟซบุ๊กกลุ่มหนึ่ง พร้อมกับเขียนแคปชั่นเชิงลามกอนาจารและคุกคามทางเพศ อีกทั้งยังมีชาวเน็ตอีกจำนวนหนึ่งเข้าไปแสดงความคิดเห็นกล่าวร้ายจนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ทางด้านทรายจึงได้ปรึกษาทนายส่วนตัวแล้วดำเนินการฟ้องร้องทางคดีเพื่อเอาผิดกับผู้โพสต์
กระทั่งต่อมาทรายได้โพสต์ภาพของตนเองยืนคู่กับคู่กรณี ซึ่งมีข้อความกล่าวขอโทษจากคู่กรณี พร้อมกับชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 35,000 บาท โดยทรายได้เล่าว่าตจนเองได้เรียกค่าเสียหายเป็นจำนวน 200,000 บาท แต่ทางคู่กรณีขอไกล่เกลี่ยจนทำให้ทรายได้ลดจำนวนเงินเหลือที่ 70,000 บาท แต่ทางคู่กรณีก็ต่อรองเพิ่มเติมพร้อมอ้างเหตุผลต่าง ๆ มาประกอบ บอกว่ามีเงินติดตัวแค่ 35,000 บาท หรือจะให้พ่อแม่มากราบก็ยอม จึงทำให้ทรายรับเงินจำนวนดังกล่าวและยอมจบเรื่อง
แต่ดูเหมือนว่าทางคู่กรณีไม่ยอมจบเรื่อง เพราะมีคนแคปข้อความที่โพสต์ลงผ่านเฟซบุ๊กของคู่กรณี โดยทางด้านอีกฝั่งดูท่าทีเหมือนว่าไม่สำนึกผิด พร้อมทั้งกล่าวโจมทรายว่าบิดเบือน ทางคู่กรณียอมรับว่าเป็นผู้นำโพสต์ของทรายไปแชร์ลงกลุ่มจริง ๆ และมีความผิดตามข้อกฎหมายหมิ่นประมาทจริง แต่ทรายดันฟ้องในคดีนำเอาภาพลามกอนาจารเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้ทางคู่กรณีมองว่าฟ้องไม่ตรงประเด็น พร้อมทั้งอ้างด้วยว่าทางฝั่งทรายเป็นผู้เข้ามาไกล่เกลี่ย ฝั่งตนเองพร้อมสู้กลับไม่ได้มีการอ้อนวอนใด ๆ รวมถึงไม่มีการขอร้องให้พ่อแม่เข้าไปกราบเพื่อขอให้เรื่องจบตามที่ทรายได้บอกเอาไว้ และยังกล่าวว่าเรื่องทั้งหมดนี้ยังไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาทางคดีทั้งสิ้น ยืนยันฟ้องกลับแน่นอน
ภายหลังที่ทรายเห็นโพสต์ดังกล่าว จึงได้ออกมาเล่าชี้แจงเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่ต้องฟ้องคู่กรณีในข้อหานำสื่อลามกเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์แทนที่จะฟ้องในคดีหมิ่นประมาท เพราะตนเองได้ปรึกษาทนายมาแล้ว ซึ่งหากฟ้องในคดีหมิ่นประมาทอาจถูกยกฟ้องเพราะอีกฝั่งไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่การฟ้องในข้อหานำสื่อลามกเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์จะเข้าข่ายมากว่า ขณะเดียวกันทรายยังรู้สึกประหลาดใจที่อีกฝั่งบอกว่าทรายเป็นผู้ขอไกล่เกลี่ยให้เรื่องจบ ทรายได้ตั้งคำถามว่าตนเองเป็นผู้ถูกกระทำจะไปขอไกล่เกลี่ยทำไม? ที่ผ่านมาทางคู่กรณีไม่ได้มีการเข้ามาขอโทษหรือถามถึงสภาพจิตใจเลย หากอีกฝั่งกล้าฟ้องดำเนินคดีก็พร้อมสู้ตามกระบวนการกฎหมายต่อไป